เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เชียงใหม่-ศูนย์โควิด-19 เชียงใหม่เผยพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่แค่ 25 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเดิมที่อยู่ระหว่างกักตัว ปัจจัยเสี่ยงหลักยังคงเป็นการนำเข้าจากต่างจังหวัด ขณะที่ล่าสุดพบ พนง.บริษัทรับจ้างทำความสะอาดตามบ้านและหอพักติดเชื้อ4ราย ต้องสั่งปิด 14 วัน พร้อมให้กลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงตรวจคัดกรองเชื้อด่วน
วันนี้ (6 ส.ค. 64) ที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แถลงสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ประจำวัน ว่า เมื่อวานนี้ (5 ส.ค. 64) ได้มีการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มผู้สัมผัสหรือผู้เสี่ยงสูง จำนวน 2,687 ราย พบผู้มีผลบวก 52 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.42 ที่เหลือเป็นผู้ที่มีผลการตรวจจากต่างจังหวัด และกลับเข้ารับการรักษาตัวที่ภูมิลำเนา สำหรับปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อ หลัก ๆ ยังคงเป็นการนำเชื้อเข้ามาจากต่างจังหวัด ส่วนการสัมผัสในครอบครัว ชุมชน และสถานที่ทำงาน มีแนวโน้มที่ลดลง
โดยการตรวจเชิงรุกในกลุ่มคนเก็บลำไย อำเภอแม่แตง จำนวน 71 ราย และการตรวจแคมป์คนงานตำบลสุเทพ คลินิกเสริมความงาม และโรงแรมบีทู แอร์พอร์ต จำนวน 78 ราย ทั้งหมดไม่พบเชื้อ ขณะที่การตรวจคัดกรองกลุ่มที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เมื่อวานนี้มีการตรวจที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ 8 ราย สถานีขนส่งอาเขต 2 ราย รถยนต์ส่วนตัว 20 ราย ทั้งหมดผลเป็นลบ ส่วนการตรวจที่สถานีรถไฟ 47 ราย พบผู้มีผลบวกจำนวน 1 ราย และการตรวจคนขับรถบรรทุกและผู้ติดตาม ที่ด่านสารภี จำนวน 110 ราย พบผู้มีผลบวก 3 ราย
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ 60 รายในวันนี้ เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัดจำนวน 25 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเดิม ที่อยู่ระหว่างการกักตัว โดยมาจากคลัสเตอร์ฟาร์มคัดแยกไข่ไก่ อำเภอหางดง จำนวน 3 ราย เป็นแม่บ้านในโรงงาน 1 ราย และผู้สัมผัสร่วมบ้านในอำเภอหางดง 2 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมคลัสเตอร์นี้ 179 ราย คลัสเตอร์โกดังพืชผลทางการเกษตร อำเภอฮอด จำนวน 3 ราย เป็นพนักงานโกดังปิ่นทอง 2 ราย และโกดังเฮง 1 ราย ซึ่งเป็นการตรวจกลุ่มเสี่ยงสูงครั้งที่ 1 รวมผู้ติดเชื้อสะสมคลัสเตอร์นี้ 15 ราย คลัสเตอร์กลุ่มรถวิบาก อำเภอเชียงดาว จำนวน 1 ราย เป็นเด็กที่มีผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้าไปทำงานที่บ้าน และอยู่ระหว่างการกักตัว
นอกจากนี้ยังมีการระบาดในพนักงานทำความสะอาด บริษัท KLEAN & KLEAR CLEANING SERVICE ซึ่งรับจ้างทำความสะอาดหอพักและบ้านพัก มีพนักงานทั้งหมด 20 ราย ติดเชื้อไปแล้ว 4 ราย เป็นผู้สัมผัสร่วมบ้าน 1 ราย ทางบริษัทจึงได้ปิดทำการ 14 วัน และให้พนักงานทั้งหมดไปตรวจหาเชื้อ (SWAB) คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ จึงขอให้หอพักและบ้านพักที่พนักงานบริษัท Klean&Klear เข้าไปทำความสะอาด ให้สังเกตอาการตนเอง 14 วัน ถ้ามีอาการให้ไปขอรับการตรวจหาเชื้อ (SWAB) ทันที ส่วนผู้ติดเชื้อ 35 รายที่เหลือ เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด โดยมาจากกรุงเทพฯ มากที่สุด 17 ราย รองลงมาคือสมุทรปราการ 6 ราย ปทุมธานี 4 ราย ชลบุรี 4 ราย นนทบุรี 3 ราย และสมุทรสาคร 1 ราย
ด้านการฉีดวัคซีนของจังหวัดเชียงใหม่ ขณะนี้มีผู้ที่รับการฉีดไปแล้ว 268,813 ราย ซึ่งในวันเสาร์ ที่ 7 และวันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคมนี้ จังหวัดเชียงใหม่ จัดแคมเปญ “ความกตัญญู ฮักพ่อ ฮักแม่ พาไปฉีดวัคซีน” โดยเชิญชวนบุตร-หลานพาคุณพ่อคุณแม่ อายุ 60 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้สูงอายุที่อยู่ในบ้าน เข้ารับการฉีดวัคซีนที่ศูนย์ฉีดอำเภอเมือง ทั้ง 3 แห่ง ประกอบด้วย อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ห้างสรรพสินค้าพรอมเมนาดา และห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล และที่หน่วยฉีดประจำอำเภอทุกอำเภอ ซึ่งบุตร-หลานที่พาไปจะได้รับสิทธิพิเศษฉีดวัคซีนเพิ่ม 1 คน ต่อ 1 ครอบครัว ส่วนในสัปดาห์หน้า จะได้มีการทยอยเรียกผู้ที่มีอายุ 18-59 ปี ที่ได้ทำการจองในเว็บไซต์ “ก๋ำแปงเวียง” เข้ารับการฉีดวัคซีนเป็นลำดับถัดไป
ขณะที่นายกนก ศรีวิชัยนันท์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในบริษัท แวลลู 360 จำกัด (KLEAN & KLEAR CLEANING SERVICE) ตั้งอยู่เลขที่ 333/31 ถนนเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด ตำบลสันนาเม็ง อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 4 ราย จากพนักงานทั้งหมดรวม 20 คนนั้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ จึงมีมติออกคำสั่งที่ 104/2564 ปิด บริษัท แวลลู 360 จำกัด (KLEAN & KLEAR CLEANING SERVICE) เป็นระยะเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันนี้ (6 ส.ค. 64) ถึงวันที่ 19 สิงหาคม 2564
โดยขอความร่วมมือประชาชน งดการเดินทางเข้าไปในบริษัทดังกล่าว โดยไม่มีเหตุจำเป็น เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรค และให้ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอสันทราย โดยนายอำเภอสันทราย ดำเนินการจัดระเบียบ และควบคุมผู้ที่เดินทางเข้า-ออก ผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ตามมาตรการ 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558