เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เชียงใหม่ – ผอ.โรงพยาบาลนครพิงค์เผยยอดจองฉีดวัคซีนโควิด-19 กลุ่มเป้าหมายเชียงใหม่เพิ่งมีแค่ 4.7 หมื่นจากทั้งหมดกว่า 6 แสน เตรียมจัด จนท.ออกเดินเคาะประตูบ้านสอบถาม ชี้วัคซีนทุกตัวมีผลข้างเคียงเป็นปกติ ยันช่วยป้องกันได้ดี ระบาดระลอกนี้บุคลากร รพ.นครพิงค์ที่ได้รับการฉีดไร้ติดเชื้อ
วันนี้ (11 พ.ค. 64) นายแพทย์ วรเชษฐ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ เปิดเผยถึงการจัดการเรื่องวัคซีนของจังหวัดเชียงใหม่ว่า ขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่ได้ฉีดวัคซีนไปแล้ว 2 หมื่นกว่าราย โดยเข็มที่ 1 จำนวน 22,153 ราย เข็มที่ 2 อีก 8,998 ราย โดยเป็นวัคซีนซิโนแวคทั้งหมด ส่วนใหญ่ผู้ที่ได้รับวัคซีนเป็นบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้มีโรคประจำตัวต่างๆ อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วจำนวนสองหมื่นกว่ารายนั้นไม่มีผู้ที่มีอาการรุนแรง ส่วนผู้ที่ต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการมีเพียงแค่ 2 ราย โดยมีอาการข้างเคียงเล็กน้อย เป็นอาการชั่วคราวทั้งหมด และได้ทำการตรวจร่างกายทุกอย่าง ทั้งทำ MRI, CT Scan ซึ่งมีอาการชาเล็กน้อยหลังจากฉีดวัคซีนไป 1 วัน
สำหรับการฉีดรอบเดือนมิถุนายน 64 นั้น จังหวัดเชียงใหม่คาดว่าจะได้รับวัคซีนจำนวนมาก ซึ่งได้มีการจัดเตรียมสถานที่ทั้งโรงพยาบาลรัฐในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขและนอกสังกัด เช่น ของกรมต่างๆ มหาวิทยาลัย และของทหาร และโรงพยาบาลเอกชน รวมทั้งสิ้น 43 แห่ง หลักๆ จะมี 3 หน่วยงานที่จะฉีดในปริมาณมากต่อวัน ได้แก่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ โรงพยาบาลนครพิงค์ จะใช้โรงยิมฯ 2 สนามกีฬา 700 ปี เป็นสถานที่ฉีด ตั้งเป้าว่าจะฉีดได้ประมาณ 1,000 คนต่อวัน และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ วางแผนฉีดที่ห้างพรอมเมนาดาอีกประมาณ 1,000 คนต่อวันเช่นกัน
ทั้งนี้ เป้าหมายการฉีดวัคซีนในเดือนมิถุนายนจะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค โดยเชียงใหม่ได้ขึ้นทะเบียนเป้าหมายการฉีดวัคซีนไว้ที่ 611,925 ราย แบ่งเป็นผู้สูงอายุ 429,913 ราย ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง 182,012 ราย มีจองฉีดเข้ามาแล้ว 47,113 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 11 พ.ค. 64) ซึ่งยังถือว่าน้อย โดยในสัปดาห์หน้าทางสาธารณสุขจังหวัดจะออกไปเคาะประตูบ้านโดยความช่วยเหลือของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และทีมเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่จะเข้าไปสอบถามประชาชนทุกคน
โดยไม่ใช่แค่กลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังเท่านั้น เพื่อต้องการทราบข้อมูลว่าประชาชนแสดงความประสงค์ต้องการที่จะฉีดวัคซีนจำนวนเท่าไร เพื่อจะได้จองวัคซีนให้คนเชียงใหม่ได้ทั้งหมด ซึ่งทันทีที่กลุ่มเป้าหมายได้รับการฉีดวัคซีนเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว เมื่อส่วนกลางประกาศให้เชียงใหม่สามารถเริ่มจองวัคซีนของกลุ่มประชาชนได้ ทางจังหวัดเชียงใหม่จะได้รีบดำเนินการได้อย่างทันท่วงที
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์บอกด้วยว่า สำหรับสถิติยอดการจองคิวรับการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นมาส่วนใหญ่จะเป็นเขตในเมือง ซึ่งช่วงนี้จำนวนการจองรับการฉีดวัคซีนมีเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มประชาชนนอกเขตเมือง เหตุเพราะการใช้ระบบของหมอพร้อมยังมีการติดขัดอยู่บ้าง คาดว่าในสัปดาห์นี้จะมีจำนวนผู้จองรับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นในหลักแสนได้ ทั้งนี้ อยากให้ความมั่นใจว่าวัคซีนซิโนแวคที่ฉีดไปนั้นประเทศจีนเองได้ฉีดไปแล้วหลายร้อยล้านโดส ซึ่งไม่มีประเด็นปัญหา และประสิทธิภาพของวัคซีน พร้อมอยากให้มองที่ความเป็นจริง ซึ่งบุคลากรของโรงพยาบาลนครพิงค์เองได้ฉีดไปประมาณพันกว่าคนโดยบุคลากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนไปนั้นไม่มีใครติดโรคในระลอกนี้เลย ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง
ในส่วนอันตรายต่างๆ นั้น นายแพทย์ วรเชษฐระบุว่า แน่นอนว่าวัคซีนทุกตัวมีผลข้างเคียง ถ้าไม่มีผลข้างเคียงแสดงว่าเราไม่ได้ฉีดอะไรเข้าร่างกายเลย ซึ่งเป็นปกติที่ร่างกายเราต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในร่างกายอยู่แล้ว จะมากจะน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ซึ่งการจะเปิดจังหวัดเชียงใหม่ได้ต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 70% ของประชากรในจังหวัดเชียงใหม่ขึ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เศรษฐกิจ พื้นที่ที่มีคนเยอะๆ และที่สำคัญพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว