เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยผลสำรวจที่อยู่อาศัยภาคเหนือ พบหน่วยระหว่างขาย 18,000 หน่วย จาก 407 โครงการ มูลค่ารวม 68,112 ล้านบาท บ้านจัดสรรยังครองแชมป์ที่อยู่อาศัยมากสุด โดยมีหน่วยเสนอขาย 15,644 หน่วย จาก 354 โครงการ มูลค่า 59,432 ล้านบาท อาคารชุด 53 โครงการ 2,926 หน่วย มูลค่า 8,679 ล้านบาท แจงครึ่งหลังปี 63 ยอดขายใหม่ 2,071 หน่วย
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร ธอส. กล่าวว่า จากการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ภาคเหนือ จาก 4 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก และตาก ในช่วงครึ่งหลังปี 63 พบว่า เชียงใหม่ยังเป็นจังหวัดที่มีซัปพลายสะสมมากที่สุด ขณะเดียวกัน ซัปพลายในตลาดมีอัตราลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า -4.4% หรือมีจำนวนทั้งสิ้น 10,955 หน่วย ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการบ้านจัดสรร 8,560 หน่วย คิดเป็น 78.1% เป็นโครงการอาคารชุด 2,395 หน่วย คิดเป็น 21.9%
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังปี 63 มีโครงการเปิดขายใหม่ 1,239 หน่วย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า -20.3% มีหน่วยขายได้ใหม่จำนวน 1,454 หน่วย ซึ่งการขายได้ใหม่นี้มีอัตราลดลง -37.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีหน่วยเหลือขายสะสมจำนวน 9,501 หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 3.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 และเมื่อแบ่งตามราคาเสนอขายพบว่า หน่วยเหลือขายส่วนใหญ่อยู่ในช่วงระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท โดยมีจำนวน 3,383 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 35.6% ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด
ขณะที่หน่วยขายได้ใหม่มากที่สุดก็ยังคงอยู่ในช่วงราคา 2.01-3.00 ล้านบาท โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 517 หน่วย คิดเป็น 35.55% ส่วนหน่วยเหลือขายในครึ่งหลังปี 63 ในจังหวัดเชียงใหม่ มีจำนวน 7,517 หน่วย จากจำนวนหน่วยเหลือขาย 9,501 หน่วย คิดเป็น 79.1%
“สำหรับตลาดบ้านจัดสรรปี 64 ของเชียงใหม่ ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งเป็นผลพวงจาก COVID-19 โดยช่วงครึ่งแรกของปี 64 ทำให้ตลาดทั้งปีมีภาวะชะลอตัวต่อจากปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังตลาดจะเริ่มฟื้นตัว แม้จะยังไม่ดีมาก อย่างไรก็ตาม หากซัปพลายใหม่มีการปรับตัวลงคาดว่าจะทำให้ซัปพลายเหลือขายทรงตัว หรือเพิ่มขึ้นจากปี 63เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
ดร.วิชัย กล่าวว่า สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดเชียงราย จำนวนซัปพลายมีอัตราเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 62 กว่า 10.9% หรือมีจำนวน 3,337 หน่วย แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 3,268 หน่วย คิดเป็น 97.9% เป็นโครงการอาคารชุด 69 หน่วย คิดเป็น 2.1% ในจำนวนนี้เป็นโครงการเปิดขายใหม่ในครึ่งหลังปี 63 เพียง 738 หน่วย ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 62 กว่า -40.4% โดยมีหน่วยขายได้ใหม่ 437 หน่วย เพิ่มขึ้น 46.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีหน่วยเหลือขายสะสมจำนวน 2,900 หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 7.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 และเมื่อแบ่งตามราคาพบว่าหน่วยเหลือขายส่วนใหญ่มีระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท โดยมีจำนวน 1,111 หน่วย คิดเป็น 38.31% ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด ขณะที่หน่วยขายได้ใหม่มากที่สุดก็ยังคงอยู่ในช่วงราคา 2.01-3.00 ล้านบาท โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 139 หน่วย คิดเป็น 31.8%