ตามที่ปรากฏข่าวสารในสื่อว่าได้มีเหตุวัยรุ่นเลือดร้อน ก่อเหตุไล่ทำร้ายกลุ่มเยาวชนที่ไปเล่นสเก็ตบอร์ด ขณะหลบฝนอยู่ข้างอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 คน แล้วหลบหนีไป เหตุเกิด เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2565 เวลาประมาณ 02.30 น. นั้น
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, พ.ต.อ.ภูวนาท ดวงดี ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน เร่งรัดทำการสืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดดังกล่าวเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีโดยเคร่งครัดตามกฎหมายโดยเร็วต่อไป
สำหรับความคืบหน้าในคดีนี้ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2565 เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมดรวม 7 คน ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชนอายุระหว่าง 14-16 ปี สาเหตุในครั้งนี้ เนื่องจากกลุ่มผู้ก่อเหตุได้เร่งเครื่องรถจักรยานยนต์บริเวณสี่แยกไฟแดง และกลุ่มผู้บาดเจ็บซึ่งนั่งรวมกลุ่มกันบริเวณที่เกิดเหตุได้ตะโกนท้าท้ายกัน ทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุไม่พอใจจึงเข้ามาทำร้ายร่างกาย โดยหนึ่งในนั้นได้ใช้อาวุธมีดยาวประมาณ 1 ฟุต ฟันเข้าไปที่บริเวณหลังของผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ รักษาตัว 1 วัน และแพทย์ให้กลับบ้านได้ ส่วนพวกที่เหลืออีกประมาณ 10 – 12 คน ยืนดูอยู่บริเวณหน้าลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ไม่ได้วิ่งข้ามถนนไปทำร้ายผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด หลังจากก่อเหตุแล้วกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดได้แยกย้ายกันหลบหนีไปโดยใช้รถจักรยานยนต์ ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดทั้งหมดต่อไป
การติดตามตัวผู้ก่อเหตุในคดีนี้ ได้ด้วยความรวดเร็วนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ดำเนินโครงการ Smart Safety Zone 4.0 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นโครงการตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เพื่อขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์ชาติ ด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยการจัดให้มีการป้องกันอาชญากรรมเชิงรุกนำการปราบปราม ซึ่งแนวคิดของโครงการดังกล่าวเกิดจากการผสมผสานแนวคิดเรื่องเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City เข้ากับแนวคิดที่จะสร้างพื้นที่ปลอดภัย หรือ Safety Zone ให้เกิดขึ้น โดยอาศัยความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของทุกคน โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การพัฒนารูปแบบวิธีการป้องกันอาชญากรรมเชิงรุกโดยใช้นวัตกรรมและยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชน