เชียงใหม่เร่งเดินหน้าเต็มสูบเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปรับแผนยุทธศาสตร์ใหม่ ชู “Charming Chiang Mai” ปักหมุด 4 อำเภอเป็นพื้นที่ Sealed Route Program นำร่อง “ทัวร์กอล์ฟ” ที่มีความเป็นไปได้ในการควบคุมพื้นที่และการทำตลาด เผยตลาดเกาหลีใต้สนใจขนนักท่องเที่ยวบินตรงเข้ามาได้ถึง 6 เที่ยวบิน คาดแผน“Charming Chiang Mai” จะเสนอให้ ศบค.พิจารณาราวปลายเดือนกรกฎาคมนี้ หรืออย่างช้าต้นเดือนสิงหาคม 2564
นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้เร่งเตรียมความพร้อมเรื่องการเปิดเมืองอย่างต่อเนื่อง
โดยปรับเปลี่ยนจากคำว่า แซนด์บอกซ์ (sandbox) มาดำเนินงานภายใต้แผน “Charming Chiang Mai” เนื่องจากคณะทำงานเพื่อเตรียมการเปิดเมืองรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของจังหวัดเชียงใหม่
พิจารณาแล้วเห็นว่าพื้นที่การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่มีความแตกต่างจากพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นที่ทำแซนด์บอกซ์ได้ เช่น ภูเก็ตแซนด์บอกซ์ สามารถควบคุมพื้นที่การเข้าออกได้และมีอาณาเขตที่สามารถควบคุมได้ชัดเจน
แต่จังหวัดเชียงใหม่มีเส้นทางการเข้าออกได้หลายเส้นทาง จึงมีความยากในการควบคุมแต่ละพื้นที่ ซึ่งแตกต่างจากพื้นที่แซนด์บอกซ์ของจังหวัดภูเก็ต และสมุยที่ควบคุมได้ง่ายกว่า
ดังนั้น จังหวัดเชียงใหม่จึงได้ปรับแผนยุทธศาสตร์ใหม่ โดยเน้นจุดขายที่สำคัญภายใต้แผน “Charming Chiang Mai” ทั้งนี้ “Charming” มีความหมายที่สะท้อนความเป็นจังหวัดเชียงใหม่อย่างชัดเจน คือ
C = Culture & Custom, H = Health & Wellness, A = Activity, R = Romance & Relax, M = Medical, I = Identity & Innovation, N = Nature, G = Gastronomy เป็นความหมายที่มีความโดดเด่นและสร้างเอกลักษณ์ต่อการบริหารจัดการได้ ภายใต้ระบบ SHA+ และ SOP
นายพัลลภกล่าวว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมองค์กรที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยว ได้ประชุมร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่
ถึงการขับเคลื่อนเมืองในทุกมิติ โดยเฉพาะการเร่งสร้างมาตรฐาน SHA ให้กับสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยว พร้อมยกระดับให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้น โดยพบว่าขณะนี้มีสถานประกอบการในจังหวัดเชียงใหม่ที่ได้มาตรฐาน SHA แล้วมากกว่า 800 แห่ง
สำหรับแผนการเปิดเมือง “Charming Chiang Mai” ได้กำหนดพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอแม่ริม อำเภอแม่แตง และอำเภอดอยเต่า เป็นพื้นที่นำร่องการเปิดเมือง
เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในรูปแบบ sandbox-sealed route ในพื้นที่เฉพาะของ 4 อำเภอ ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวที่สามารถควบคุมได้ง่ายในระดับพื้นที่ โดยมีนายอำเภอเป็นผู้บริหาร การขับเคลื่อนในพื้นที่และสร้างการรับรู้ให้กับคนในชุมชน
โดยคาดว่าจะเริ่มจากแพ็กเกจท่องเที่ยวกอล์ฟ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงทั้งในแง่การ sandbox-sealed route ในระดับพื้นที่เฉพาะ และในแง่การตลาด โดยตลาดเกาหลีใต้ยังคงให้ความสนใจที่จะจัดหานักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา
ซึ่งจากการได้พูดคุยกับเอเย่นต์ทัวร์ของเกาหลีใต้ สามารถนำนักท่องเที่ยวบินตรงมาได้ถึง 6 เที่ยวบิน แต่ต้องรอความพร้อมการเปิดเมืองของเชียงใหม่ให้ชัดเจนก่อน จึงจะสามารถขายแพ็กเกจให้กับนักท่องเที่ยวได้
โดย Sealed Route Program จะเป็นการท่องเที่ยวในพื้นที่เฉพาะที่ได้กำหนดไว้ตามโปรแกรมทัวร์เท่านั้น และต้องไม่รบกวนหรือสร้างผลกระทบให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวและบริการจะต้องได้รับมาตรฐาน SHA+
นายพัลลภกล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการนำเสนอขาย Sealed Route Program แต่อย่างใด เพียงแต่อยู่ในขั้นเจรจากับเอเย่นต์ทัวร์อย่างไม่เป็นทางการกับประเทศเกาหลีใต้
และญี่ปุ่น ว่าหากมีโปรแกรมในลักษณะนี้จะสนใจหรือไม่ อย่างไรก็ตาม แม้อัตราของผู้ติดเชื้อในประเทศไทยจะยังคงเพิ่มขึ้น
แต่การขับเคลื่อนเปิดเมืองเชียงใหม่ก็จะต้องเร่งดำเนินไป เพื่อเตรียมความพร้อมทุกด้านในการรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้การดำเนินงานตามแผน “Charming Chiang Mai” มีความคืบหน้าเกือบ 100% แล้ว
ขณะเดียวกันได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ได้นำเสนอโปรแกรมการท่องเที่ยวใน 4 อำเภอที่เป็นพื้นที่นำร่อง นอกเหนือจากโปรแกรมตีกอล์ฟ ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่มีแหล่งท่องเที่ยวโดดเด่นทั้งด้านวัฒนธรรม (Culture)
ธรรมชาติ (Nature) ผจญภัย (Adventure) สุขภาพ (Wellness) ประชุมสัมมนา (MICE) อาหาร (Food-Cooking) เป็นต้น โดยทุกโปรแกรมจะต้องผ่านการพิจารณาตามมาตรฐาน Sealed Route Program
เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะทำงาน “Charming Chiang Mai” ได้มีการนำเสนอแผนให้กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผ่านการประชุมระบบออนไลน์ ซึ่งคาดว่า ททท.จะนำแผน “Charming Chiang Mai” เสนอให้ ศบค.พิจารณาปลายเดือนกรกฎาคม หรืออย่างช้าคือราวต้นเดือนสิงหาคม 2564