ชาวเชียงใหม่ร่วมสวมเสื้อดำยืนไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 นิธิ ชี้ “ถ้าหากประชาชนยังโกรธไม่พอ ก็คงไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไร”
8 ก.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (7.ก.ค.64) เวลา 17.15 น. ที่ลานลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จ.เชียงใหม่ ประชาชนกว่า 30 คน ใส่เสื้อดำรวมตัวกันยืนไว้อาลัยเป็นเวลา 23 นาที ให้แก่ผู้ที่เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ตามแคมเปญ #หมอไม่ทน ที่เชิญชวนให้บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วประเทศร่วมสวมเสื้อดำหรือติดโบว์ดำ เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 กว่า 2,200 ชีวิต และเรียกร้องให้รัฐบาลเปลี่ยนวัคซีนหลักของประเทศเป็นวัคซีน mRNA
นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาด้านประวัติศาสตร์
นิธิ มาร่วมยืนในครั้งนี้ตอบคำถามที่ว่า การเคลื่อนไหวของประชาชนที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ต่อการจัดการสถานการณ์ COVID-19 ที่ล้มเหลวของรัฐบาลจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง
“ถ้าหากประชาชนยังโกรธไม่พอ ก็คงไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ผมคิดว่า เรามองเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ใส่ใจต่อชีวิตของพวกเราเลย ผมหวังแต่เพียงว่าเราน่าจะโกรธให้พอ พอที่จะไล่เขาออกไปให้ได้ เพราะเราจะอยู่กันได้อย่างไรถ้าเกิดว่าเรามีรัฐที่เอาทั้งเงิน ทั้งอำนาจจากเราไปจนหมดสิ้นโดยไม่เหลืออะไรเลย แต่เขาไม่ได้สนใจว่าประชาชนจะมีชีวิตอยู่รอดหรือไม่รอดภายใต้โรคภัยที่สามารถป้องกันได้” นิธิ กล่าว
ขณะที่ผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ มีความเห็นต่อการจัดการสถานการณ์ COVID-19 ของรัฐบาลในขณะนี้ ดังนี้
สุชาดา จักรพิสุทธิ์ บรรณาธิการบริหารศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง (TCIJ)
สุชาดา กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องไร้ความสามารถเฉพาะการจัดการโรคระบาด แต่เราเห็นมาตลอด 7 ปี ฉะนั้นเมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายรายวันของประชาชนแล้วยังบริหารจัดการไม่ได้ จึงไม่ใช่แค่เหตุของเรื่องการไร้ความสามารถเท่านั้น แต่ยังมีเจตนาแอบแฝงอย่างอื่นๆ ที่เราติดตามข้อมูลข่าวสารเราก็จะรู้ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นการดันทุรังสั่งซื้อวัคซีนบางตัวที่พิสูจน์แล้วว่าไร้ประสิทธิภาพเข้ามา เราไม่ได้เห็นความพยายามอะไรมากไปกว่าการออกมาชี้นิ้วสั่ง ซึ่งบุคลากรที่ทำงานให้ระดับปฏิบัติการเขาต้องประสบปัญหายากลำบากมาก ส่วนนี้ชัดเจนเลยว่าที่ผ่านมาเป็นการแก้ปัญหาแบบรายวันเฉยๆ วันหนึ่งสั่งอย่างหนึ่ง อีกวันก็สั่งอีกอย่าง ทำให้บุคลากรในระดับปฏิบัติการต้องเผชิญปัญหามาก
“รัฐบาลชุดนี้ไม่ควรอยู่ต่อไปแม้แต่วันเดียว เพราะนั่นหมายความว่าชีวิตประชาชนที่จะต้องสูญเสียเพิ่มขึ้นทุกนาที ทุกวี่วัน เขาไม่ควรอยู่เลยแม้แต่วันเดียว และถ้าเห็นหัวประชาชนบ้าง เข้าใจความทุกข์ยากเดือดร้อนครั้งนี้ของประชาชนก็ควรจะมีสมองคิดได้ว่าไม่ควรอยู่ต่อไปจริงๆ ต้องเปิดทางให้มีกลไกอื่นๆ หรือคณะบุคคลอื่นที่มีความสามารถขึ้นมา ไม่ใช่รวบอำนาจรวมศูนย์ทุกอย่าง และไปนั่งหัวโต๊ะทุกกรรมการ ทุกกลไก ทั้งโกรธ ทั้งเศร้า ทั้งเครียด ที่จะต้องมีชีวิตอยู่ในยุครัฐห่าลง” สุชาดา กล่าว
ชัชวาล ปุญปัน นักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์
“ไม่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังกลายเป็นรัฐบาลกำลังก่อการร้ายทางสุขภาพกับประชาชนทั้งประเทศ นี่ไม่นับรวมว่ารัฐบาลกำลังก่อการร้ายทางสาธารณสุขกับบุคลากรทางการแพทย์ซะเอง” ชัชวาล กล่าว
รศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี จากภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
“ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ทุกคนก็คงคิดแบบนั้น คนที่ยังไม่ได้วัคซีนที่มีคุณภาพมีอยู่เป็นจำนวนมาก และรัฐบาลก็เฝ้าแต่สั่งวัคซีนที่ไม่มีคุณภาพเข้ามา อัตราการแพร่ระบาดของ COVID-19 ก็ยังสูงอยู่ทุกวัน ถ้ารัฐบาลไม่มีความสามารถพอที่จะบริหารจัดการให้ปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 ลดลงได้ ก็ควรจะพิจารณาตัวเองลาออกไปเสียทั้งชุด” รศ.ดร.ปิ่นแก้ว กล่าว
ภัควดี วีระภาสพงษ์
ภัควดี มองว่า ปัญหาการจัดการ COVID-19 ของรัฐบาลในตอนนี้มีปัญหาทุกจุด ตั้งแต่เรื่องวัคซีนที่ไม่มีการจัดหาวัคซีนที่หลากหลายมากพอ ไม่มีความพยายามจัดหาวัคซีน mRNA ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ จนกระทั่งประชาชนต้องออกมาผลักดันกันเอง
สองคือการจัดการเกี่ยวกับผู้ป่วย มีการตรวจหาเชื้อไม่มากพอ ไม่ยอมนำ Rapid Test มาใช้ในประเทศไทย เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจหาเชื้อได้เอง จะได้รู้ตัว และกักตัวต่อไป นอกจากนี้ยังไม่ทำเรื่อง Home Isolation ให้เป็นระบบ ปล่อยให้ผู้ป่วยไปเป็นคอขวดอยู่ที่โรงพยาบาล ทั้งที่ความจริงในระดับของการติดเชื้อขนาดนี้ควรจะต้องมี Home Isolation และจัดระบบมอนิเตอร์ เพื่อทำให้คนที่มีอาการไม่หนักมากดูแลตัวเองอยู่ที่บ้านได้ ส่วนคนที่ดูแลตัวเองไม่ได้ก็ต้องจัดหาระบบวิธีการต่างๆ ซึ่งแทบจะมีปัญหาไปทั้งหมด
“การปล่อยให้มีการรับคนไข้กลับมารักษาที่บ้านเกิดในต่างจังหวัดก็ไม่มีระบบรองรับที่ดี หมอในต่างจังหวัดหลายคนก็บอกว่าในต่างจังหวัดเตียงก็เต็มแล้วเช่นกัน และรัฐบาลยังไม่มีการช่วยเหลืออุปกรณ์ทางการแพทย์และงบประมาณแก่ต่างจังหวัดมากเพียงพอ แต่ปล่อยคนออกมาเพียงเพื่อให้ยอดผู้ติดเชื้อในกรุงเทพลดลงเท่านั้น
เป็นปัญหาการจัดการที่ทุกอย่างของรัฐบาลหมด จนตอนนี้จังหวัดแต่ละจังหวัดก็ไม่ได้ดูแลเรื่องคนที่มาจากพื้นที่เสี่ยง ไม่มีการกักตัว และทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้าในต่างจังหวัดขึ้นมาอีก” ภัควดี กล่าว
นอกจากนี้ยังมีความเห็นผู้ร่วมกิจกรรมคนอื่นๆ เช่น มองว่า “ล้มเหลว เพราะว่ามีคนที่ต้องตายเพราะ COVID-19 เยอะในทุกๆ วัน และมีคนตายเพราะอยู่ไม่ได้ มันเหมือนกับว่ารัฐบาลทำอะไรไม่เป็นเลย ไม่รู้จะทำอย่างไง และก็ไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากใครด้วย รู้สึกว่าเขาล้มเหลวและผิดหวังมากๆ
เรารู้สึกว่ารัฐบาลเราศรัทธาใน sinovac มากเกินไป เขาพยายามหลอกตัวเองอยู่ว่ามันไม่มีระลอกที่ 3 ที่ 4 หรือ 5 เขาก็ยังจะคิดว่านี่เป็น 2.1 , 2.2 แต่เรารู้สึกว่าทุกอย่างก็ฟ้องอยู่แล้วว่าการจัดการของเขาดีไม่พอ ดีที่สุดก็คงทำได้แค่ไปนั่งกินอะไรโง่ๆ อยู่ริมทะเล และเป็นประชาชนต้องช่วยกันเอง ถ้าเราต้องช่วยกันเอง เราก็ไม่ต้องมีรัฐบาลแบบนี้ก็ได้มั้ง ให้แกกลับบ้านเลี้ยงหลานไปเถอะ รักชาติอย่างนี้อย่ารัก”
ขณะที่ผู้ร่วมกิจกรรมอีกคนมองว่า การจัดการของประยุทธ์แย่มาก ทำให้ประเทศช้าลง เช่นเรื่อง COVID-19 เรื่องวัคซีน มีใครอยากจะได้ sinovac กันบ้าง ทุกคนต้องการ Moderna กับ Pfizer มากกว่า เพราะว่าจะได้เยียวยาคนได้สะดวกขึ้น