เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 15 ส.ค. 64 กลุ่มชาวเชียงใหม่ และชาวจังหวัดลำพูน ได้รวมตัวจัดกิจกรรม “คาร์ม็อบ” ขับไล่นายกรัฐมนตรี บีบแตรส่งเสียงตามเส้นทางในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยรวมตัวกันที่บริเวณสี่แยกดอนจั่น ถนนสายเชียงใหม่-ลำปาง ขาเข้า ผ่านแยกหนองประทีป-ผ่านโลตัสสาขาตลาดคำเที่ยง-เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนอัษฎาธร-เข้าสู่คูเมืองด้านในบริเวณสี่แยกแจ่งศรีภูมิ-ประตูท่าแพ-เลี้ยวเข้าผ่านแจ่งกะต๊ำ-ผ่านตลาดประตูเชียงใหม่-ประตูแสนปรุง-เลี้ยวซ้ายแยกแจ่งกู่เฮือง-ขึ้นทางต่างระดับเข้าสู่ถนนมหิดลถึงตำรวจภูธรภาค 5
สำหรับขบวนในครั้งนี้ได้รวมตัวกันเป็นเส้นทางยาวกว่า 10 กิโลเมตร จากนั้นได้อ่านหนังสือข้อเรียกร้อง และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมารับหนังสือข้อเรียกร้องดังกล่าว โดยมีเนื้อหาและข้อเรียกร้องเพื่อต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเคียงข้างประชาชน ไม่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน พร้อมกับได้นำภาพของนายกรัฐมนตรีออกมาโปรยบริเวณกลางถนน และให้ประชาชนนำมะเขือเทศขว้างปา แล้วใช้เท้าเหยียบลงไปบนภาพ และประกาศให้โปรยภาพไปตามถนนในเส้นทางต่างๆ ของเมืองเชียงใหม่
ต่อมาได้มี พ.ต.ท.สุรชัย ท่างาม รอง ผกก.ปพ.สส.ภ.5 ออกมารับหนังสือ พร้อมแจ้งให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับทราบว่า จะส่งมอบหนังสือให้กับผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นเพื่อให้ดำเนินการต่อไป ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็ไม่พอใจเนื่องจากต้องการทราบผลว่าจะดำเนินการตามข้อเรียกร้องได้หรือไม่ พร้อมประกาศให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจออกประกาศตามสื่อออนไลน์แจ้งให้ประชาชนได้รับทราบตามข้อเรียกร้อง และในวันที่ 16 สิงหาคม 2564 เวลา 09.30 น. ก็เรียกร้องให้ประชาชนไปรวมตัวกันที่ด้านหน้า สภ.ช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากมีแกนนำจำนวน 3 คนได้ถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 โดยให้ประชาชนไปร่วมกดดันและไม่ให้มีการจับกุมตัวแกนนำทั้ง 3 คนดังกล่าว
นายวิชิต ตามูล หนึ่งในแกนนำของผู้ชุมนุม เปิดเผยว่า การมายื่นถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ในวันนี้ เนื่องจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดในกรุงเทพฯ ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมถูกกระสุนปืนยางยิงเข้าใส่บริเวณเบ้าตาได้รับบาดเจ็บ และตาอาจจะบอดได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและไม่สมควร เพราะการใช้อาวุธปืนและยิงเข้าใส่บริเวณใบหน้า แม้จะเป็นกระสุนยางก็สามารถทำให้เกิดอันตรายกับประชาชนได้ และตำรวจสมควรอยู่ข้างประชาชน ไม่ควรต่อต้านหรือใช้กำลังที่รุนแรงเกินไป
หนึ่งในแกนนำของผู้ชุมนุม กล่าวต่อว่า ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมในวันนี้จึงได้เดินทางมายื่นหนังสือ หลังจากนี้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็จะเคลื่อนขบวนไปตามถนนมหิดล พร้อมส่งสัญญาณแตร ชูป้ายสัญลักษณ์ เพื่อดำเนินการเรียกร้องตามข้อเรียกร้องคือ 1.นายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออก 2.ต้องการวัคซีนทางเลือกให้กับประชาชน 3.ตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนออก และ 4.ให้ตำรวจอยู่ฝ่ายประชาชน และไม่กระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ
นายวิชิต กล่าวอีกว่า โดยจุดสิ้นสุดของคาร์ม็อบวันนี้ยังคงเป็นที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ที่เดิม แม้ว่าจะมีการปิดกั้นไม่ให้เกิดการชุมนุม แต่ก็จะมีการใช้คาร์ม็อบส่งเสียงไปตามถนนต่างๆ รอบเมืองเชียงใหม่แทน ซึ่งวันนี้ก็มีประชาชนเข้ามาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก และมีพี่น้องชาวจังหวัดลำพูนได้เดินทางมาร่วมด้วย แต่หากไม่ได้รับการตอบรับจากข้อเรียกร้องก็อาจจะมีการชุมนุมเพื่อมาฟังคำตอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 อีกครั้ง
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังการชุมนุมเสร็จ ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนตัวจากด้านหน้าตำรวจภูธรภาค 5 มาถามถนนมหิดล เลี้ยวซ้ายสี่แยกหนองหอย ถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน ผ่านหน้าค่ายกาวิละ-เลี้ยวซ้ายผ่านสะพานนวรัฐ-ถนนท่าแพ-กลับรถเข้าคูเมืองด้านใน-ถึงแจ่งศรีภูมิด้านใน ถึงประตูช้างเผือกด้านในเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าเข้าสู่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์เพื่อรวมตัวกันอีกครั้ง แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ก็ได้วางกำลังพร้อมนำแผงเหล็กมากั้นไว้ไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้ามาชุมนุมบริเวณดังกล่าว ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนผ่านไปตามเส้นทางต่างๆ ของตัวเมืองเชียงใหม่แทน.