ข่าวภาคค่ำ – ยังร้อนไม่เลิก สำหรับปมการทุจริตในกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช หลังมีการจับกุมอธิบดีในห้องทำงาน พบซองเงินจำนวนมาก และที่รุนแรงไม่แพ้กันเลย ก็คือ ปมการทุจริตในอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ ซึ่งมีการออกมาแฉพฤติกรรมของอดีตหัวหน้าอุทยาน ทุจริต 3 ปมใหญ่ ๆ ซึ่งช่อง 7HD ของเรานำเสนอต่อเนื่อง คุณเกรียงไกร รัตนา จะสรุปเรื่องนี้กันอีกครั้ง ในคอลัมน์หมายเลข 7
นี่เป็นบัญชีเงินเดือนที่ถูกอ้างว่าเป็นของแม่บ้านประจำอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ จังหวัดเชียงใหม่ ที่สวมรอยตำแหน่งนักวิชาการชำนาญการ รับส่วนต่างอัตราเงินเดือนสูงกว่าแม่บ้านถึง 4 เท่า ซึ่งเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ นำออกมาแฉ พร้อมกล่าวหาพฤติกรรมของอดีตหัวหน้า ที่ย้ายออกไปจากที่นี่แล้ว
ไทม์ไลน์ปมทุจริตที่เกิดขึ้นในอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ เริ่มมาตั้งแต่ปี 2563 ช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งมีอยู่ 3 รูปแบบหลัก ๆ เริ่มจากให้เจ้าหน้าที่ไปฉีดยาฆ่าต้นไม้ในเขตอุทยานให้มีสภาพยืนต้นตาย ก่อนที่จะทำเรื่องขอโค่น และแปรรูปเพื่อเอาไปขาย และยังมีเรื่องการตั้งเบิกเงินเบี้ยเลี้ยงลาดตระเวนเชิงคุณภาพ ที่ไปจริง 2 คน แต่ตั้งเบิก 5 คน เพื่อกินส่วนต่าง โดยที่เงินเหล่านี้ เข้ากระเป๋าอดีตหัวหน้า
มีข้อมูลอีกด้วยว่า ทุกครั้งที่มีเรื่องร้องเรียนหรือเกิดปัญหา จี้ให้มีการชี้แจง อดีตหัวหน้าอุทยานฯ ก็จะตั้งพวกพ้องของตัวเองซึ่งเป็นคนสนิท ให้เป็นคณะกรรมการสอบสวนประวิงเวลา
มีคำถามว่าเส้นทางการเงินทั้งหมดที่ได้จากพฤติกรรมทุจริตเหล่านี้ไปที่ไหน ถูกส่งต่อไปถึงใครอีกหรือไม่ นี่เป็นเรื่องที่น่าสงสัย แต่ว่ายังคงไร้คำตอบ แม้ว่าการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ อย่าง ปปท. ที่เข้ามาตรวจสอบขยายผล จนพบมูลที่ส่อไปในทางทุจริตอีกหลายประเด็น และส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. มาร่วมรับไม้ต่อแล้ว
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ผู้ที่ตกเป็นข่าว ออกมาปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา และเดินทางไปชี้แจงต่อ ป.ป.ช. แล้ว หากย้อนดูเปอร์เซ็นต์รายได้ตามตารางที่พบมีการสาวเส้นเงิน จะพบว่าเงินงบประมาณที่ทางอุทยานได้รับ แบ่งออกเป็น 3 ก้อน
ก้อนแรกคืองบประมาณประจำปี ส่วนก้อนที่สอง คืองบบริหาร (ฉุกเฉิน) และก้อนที่สาม มาจากรายได้ของอุทยาน ซึ่งจะมีการส่งต่อเป็นทอด ๆ จากหัวหน้าอุทยาน ไปหาหัวหน้าส่วน หรือ อธิบดี ส่งต่อไปยังปลัด และบุคคลที่สูงขึ้นไป โดยที่ทั้งหมดนี้ จะขึ้นอยู่กับนโยบาย หรือ ข้อสั่งการ และพื้นที่ตั้งของอุทยาน
เรื่องราวการทุจริตของหน่วยงานภาครัฐ ที่ถูกกล่าวหาว่า หากินกับงบประมาณกันเป็นทอด ๆ จนราวกับเป็นเหมือนวัฒนธรรมองค์กร กลายเป็นเรื่องที่ใคร ๆ เขาก็ทำ ยิ่งระส่ำหนักจากปมส่งส่วย จับกุมกันกลางห้องทำงาน การตรวจสอบที่เคยคิดว่าง่าย เพราะหลักฐานค่อนข้างชัด แต่กลับเจอการพลิกลิ้นจากพยานที่มีชื่อหน้าซอง ก็เป็นอีกหนึ่งงานหิน ที่ผู้เกี่ยวข้องต้องจับให้ได้ ไล่ให้ทัน กับกระบวนการที่อาจสมประโยชน์ จนต้องปกป้องซึ่งกันและกัน เพื่อให้พ้นผิด