กิตตินันท์ นาคทอง Facebook.com/kittinanlive .
เมื่อช่วงเวรหยุดเทศกาลปีใหม่ 2566 ที่ผ่านมา มีโอกาสมาเยือนจังหวัดเชียงใหม่อีกครั้ง แต่เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาล ผู้คนแย่งกันกินแย่งกันใช้ ความเพลิดเพลินเจริญใจอาจลดน้อยถอยลงไปบ้าง
กาดหลวง หรือตลาดวโรรส แหล่งของฝากขึ้นชื่อในจังหวัดเชียงใหม่ แม้เดินเข้ามาผู้คนจะไม่ค่อยหนาแน่นนัก แต่ก็ไปกระจุกตัวอยู่แถวๆ ร้านดำรงค์ ขายหมูทอด ไส้อั่ว แคปหมู น้ำพริกหนุ่ม ผู้คนต่อคิวกันแน่นขนัด
อันที่จริง เดี๋ยวนี้ร้านดำรงค์มีขายกันผ่านออนไลน์ เช่นเดียวกับร้านของฝากภาคเหนืออื่นๆ อย่างร้านวนัสนันท์ แต่อาจมีคนมองว่า ซื้อจากเชียงใหม่โดยตรง ขึ้นเครื่องบินมาถึงกรุงเทพฯ เป็นของฝากมีคุณค่าทางใจมากกว่า
ถัดจากกาดหลวง เดินลงมาที่ร้านก๋วยจั๊บช้างม่อยตัดใหม่ ร้านดังระดับมิชลิน เพราะอยากกินหมูกรอบ แต่ปรากฎว่าลูกค้าคิวยาวมาก สุดท้ายต้องเดินย้อนไปที่ร้านเย็นตาโฟธนาโอชา ที่อยู่ไม่ไกลกันนัก
ทราบมาจากไรเดอร์ของแกร็บว่า ช่วงเทศกาลรถติดมาก โดยเฉพาะย่านนิมมานเหมินท์ รถติดตั้งแต่ 11 โมงเช้า จากเมื่อก่อนรถติดเฉพาะตอนเย็น อีกทั้งดอยสุเทพก็มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่ว่าจะเที่ยวเชียงใหม่ หรือเที่ยวที่ไหนก็ตามในช่วงเทศกาล อาจไม่แฮปปี้เสมอไป
ในช่วงระยะเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา หลังผู้เขียนมาเยือนครั้งล่าสุดเมื่อประเพณีเตียวขึ้นดอย วันวิสาขบูชา 2565 ที่ผ่านมา ตัวเมืองเชียงใหม่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่สอง-สามอย่าง ที่อยากจะเล่าสู่กันฟัง
อย่างแรก อุทยานการค้ากาดสวนแก้ว ที่เปิดให้บริการมานาน 30 ปี ปิดตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยว แม้จะพยายามทุกวิถีทาง แต่การระบาดยังคงยืดเยื้อต่อเนื่อง
ภาพจำจากเมื่อก่อนมีรถแดงและรถตุ๊กตุ๊กจอดอยู่หน้าห้าง ลงไปชั้นใต้ดินมีท็อปส์ ด้านบนเป็นห้างเซ็นทรัล เหลือเพียงแต่อาคารประดับด้วยอิฐมอญที่ไร้ชีวิต ประตูทุกด้านถูกปิดตาย เงียบสนิท เวลานั่งรถผ่านเห็นแล้วยังรู้สึกใจหาย
เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ครั้งนี้ ตัดสินใจย้ายโรงแรม จากถนนห้วยแก้ว ใกล้กับกาดสวนแก้ว ไปที่ย่านแยกสนามบิน แม้จะห่างไกลแหล่งท่องเที่ยวไปบ้าง แต่อย่างน้อยเวลากลางคืนคงไม่เหงา เพราะมีห้างฯ 3-4 แห่งรายล้อมอยู่
อย่างต่อมา กลุ่มที่ชื่อว่า สตรีทอาร์ต คิง ภูมิพล (Street Art King Bhumibol) นำโดย ครูอะไหล่ ชวัส จำปาแสน วาดภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระพันปีหลวง แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2565
ก่อนหน้านี้ผู้เขียนก็แวะไปดูความตั้งใจครูอะไหล่ ตั้งแต่เมื่อครั้งวาดภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ที่กรุงเทพฯ ก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ หรือแม้กระทั่งไปเที่ยวต่างจังหวัด อย่างเช่นย่านเมืองเก่าภูเก็ต ก็ยังเห็นผลงานของทีมครูอะไหล่
ทราบมาว่า มีสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง สนใจกิจกรรมของครูอะไหล่ จึงเรียกมาคุย ก่อนที่จะสนับสนุนโครงการสตรีทอาร์ต คิง ภูมิพล โดยมีเป้าหมายวาดภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ 77 จังหวัดทั่วประเทศ เริ่มจากจังหวัดนครพนม
โดยที่จังหวัดเชียงใหม่ ครูอะไหล่เลือกสถานที่ผนัง โรงแรมเชียงใหม่วโรรส บูติคโฮเต็ล ติดกับปั๊มน้ำมันเอสโซ่ สี่แยกถนนท้ายวัง ตำบลช้างม่อย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ แม้จะผ่านไปหลายเดือนแต่สีก็ยังสวยสดใส
ภาพวาดพระบรมสาทิสลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระพันปีหลวง มีชื่อผลงานว่า “ต้นน้ำ ต้นไม้” น้อมนำพระราชดำรัสที่ว่า “พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า” ใช้เวลาวาดทั้งสิ้น 8 วันจึงเสร็จสมบูรณ์
ความยากของการวาดภาพดังกล่าว อยู่ที่ผนังกำแพงโรงแรมที่อยู่ติดกับปั๊มน้ำมันเอสโซ่ มีเสาไฟฟ้าส่องสว่างของปั๊มเอสโซ่เดิม จึงใช้วิธีพ่นสีเขียวและลวดลายทับเพื่อให้กลมกลืนกับผนังและภาพวาด
ภาพวาดพระบรมสาทิสลักษณ์แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ ปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ราชวงศ์ ที่มีร้านโลตัส โกเฟรช อยู่ด้านใน จากกาดหลวง ตลาดวโรรส ไปทางถนนราชวงศ์ ผ่านโรงแรมดาร์ลี่ จะเห็นสี่แยกไฟแดงถนนท้ายวัง เลี้ยวขวาจะเห็นเลย
อีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือการตกแต่ง “คลองแม่ข่า” ให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ สไตล์ตะวันออก ซึ่งมีบางคนเปรียบเทียบเหมือนคลองโอโตรุ ประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว
เดิมคลองแม่ข่าในสายตาคนทั่วไป คือคลองน้ำเน่า หรือคลองระบายน้ำทิ้ง ทั้งที่ในอดีคคลองแห่งนี้คือ 1 ใน 7 ชัยมงคล ที่พญามังรายเลือกชัยภูมิบริเวณนี้ในการสร้างเวียงสร้างเมืองเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 1839 เมื่อกว่า 700 ปีก่อน
ต้นกำเนิดของคลองแม่ข่าปัจจุบัน มาจากลำน้ำแม่สาและลำเหมืองสา ที่ไหลมาจากอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เริ่มต้นที่ ต.แม่สา อ.แม่ริม ไหลลงมาก่อนเข้าเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ที่หมู่บ้านสุขิโต ถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี
หลังจากนั้นจะผ่านชุมชนเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ทั้งหมด 26 ชุมชน ไปถึงถนนมหิดล เข้าเขตเทศบาลตำบลป่าแดด ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำปิง ที่ ต.สบแม่ข่า อ.หางดง มีระยะทางรวมกันประมาณ 31 กิโลเมตร
ใครที่สนใจความเป็นมาของคลองแม่ข่า ทางจังหวัดเชียงใหม่เคยจัดทำ “แผนแม่บทคลองแม่ข่า (พ.ศ. 2561-2565)” ซึ่งจะมีข้อมูลเกี่ยวกับคลองแม่ข่าแบบละเอียดยิบว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และเปลี่ยนแปลงขนาดไหน
จุดที่เป็นแลนด์มาร์คจะอยู่ที่ สะพานแม่ข่าระแกง ถึงประตูก้อม (สถานีสูบน้ำเสียที่ 6) เป็นโครงการก่อสร้างระบบท่อรวบรวมน้ำเสียสองฝั่งคลองแม่ข่า พร้อมปรับภูมิทัศน์ ระยะที่ 1 ความยาว 785 เมตร
เนื่องจากจุดดังกล่าวอยู่ห่างไกลจากแหล่งท่องเที่ยว จากกาดหลวง ตลาดวโรรส ต้องเดินเท้ามาทางถนนช้างม่อยตัดใหม่ และถนนกำแพงดิน ระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร เดินแบบสบายๆ ไม่เร่งรีบใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
ระหว่างทางข้ามถนนท่าแพ สังเกตว่าย่านกำแพงดินเต็มไปด้วยร้านนวด ข้ามถนนลอยเคราะห์ ผ่านโครงการโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ข้ามถนนศรีดอนไชย กระทั่งมาถึงชุมชนกำแพงงาม เลี้ยวซ้าย เจอสะพานแม่ข่าระแกง
ทางเข้าคลองแม่ข่าจะมี 2 ทาง นอกจากทางสะพานแม่ข่าระแกงแล้ว อีกทางหนึ่งคือ ซอยเวียงพิงศ์ ถ้ามาจากถนนมหิดล เลี้ยวซ้ายเข้าซอยโรงแรมบีทู แอร์พอร์ต เลี้ยวขวา ผ่านโรงแรมนิ่มซี่เส็ง ถึงสี่แยกร้านโลตัส โกเฟรช เลี้ยวขวา
เมื่อถึง โครงการพิงค์ คอนโดมิเนียม ด้านหน้าเป็นร้านมินิบิ๊กซี ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปด้านในสุด จะเจอลานจอดรถ สำหรับนักท่องเที่ยวจอดรถเดินชมคลองแม่ข่า ประตูเปิดตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 5 ทุ่ม มีห้องน้ำให้บริการ
ในวันนั้นสะพานแม่ข่าระแกงรถติดเล็กน้อย เพราะผู้คนรวมตัวกันตรงนั้น อีกทั้งถนนระแกงเป็นถนนแคบๆ เชื่อมระหว่างถนนศรีดอนไชย บริเวณแจ่งก๊ะต๊ำ ผ่านถนนกำแพงดิน ออกถนนช้างคลาน ไปสะพานภาค 5 ถนนมหิดล
เอาเป็นว่าถ้ามาง่ายที่สุด เรียกแอปพลิเคชัน อย่างผู้เขียนเรียกแกร็บ (Grab) เพราะมีบริการที่เรียกว่า Grab PayLater ใช้บริการแกร็บก่อนจ่ายทีหลัง แต่จริงๆ ยังมีเจ้าอื่นอย่าง Bolt, InDriver และรายล่าสุดอย่าง Maxim
สัมผัสแรกที่ได้พบเห็นก็คือ ตลิ่งทั้งสองฝั่งคลองถูกเรียงด้วยบล็อกคอนกรีตต่อกันเป็นชั้น ไล่ระดับน้ำด้วยฝายเล็กๆ ทางเดินสองข้างทางก่อด้วยหินลูกเต๋า ริมตลิ่งตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับและมีไฟริมทางเดิน
ทางเดินเท้ากว้างประมาณ 2-3 เมตร เพียงพอที่จะเดินสัญจรไปมาอย่างไม่แออัดนัก สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และมุมถ่ายรูปเก๋ๆ มีสะพานข้ามอยู่ 2 สะพาน บริเวณกลางคลองและปลายคลอง
แม้มองจากภายนอกจะดูโล่งๆ แต่ก็ผ่านต้นไม้ใหญ่ริมคลอง บริเวณช่วงกลางคลอง เลยสะพานจุดแรกไป โดยมีการทำทางเดินคร่อมกับร่มไม้ ให้ความรู้สึกร่มรื่นไปอีกแบบ แม้จะมีจำนวนไม่มากก็ตาม
ถามว่าน้ำในคลองมีกลิ่นเน่าเหม็นไหม? จากที่เดินตั้งแต่สะพานแม่ข่าระแกง ถึงปลายโครงการ ไม่พบว่ามีกลิ่นเหม็นใดๆ จะได้กลิ่นอีกที ก็ต่อเมื่อออกมายังปลายคลอง ก่อนถึงประตูก้อม ซึ่งจะมีกังหันน้ำตั้งอยู่
ทราบมาว่า ใต้ทางเดินตลอด 750 เมตร จะมีท่อรวมน้ำเสียฝังอยู่ ทำหน้าที่รับน้ำเสียจากบ้านเรือนไม่ให้ไหลมาปนกันที่คลองแม่ข่า เพราะฉะนั้นน้ำในคลองแม่ข่าช่วงดังกล่าว จึงไม่ค่อยส่งกลิ่นเหม็นมากนัก
ผู้คนต่างมาเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ แชะ แชร์ ชิล อย่างไม่ขาดสาย ยิ่งช่วงเทศกาลปีใหม่ คนยิ่งแน่น แต่ไม่ถึงกับแออัดยัดเยียด ไฮไลต์หลักจะอยู่ที่สะพานที่มีราวกันตกสีเหลือง ซึ่งตกแต่งอย่างสวยงามต้อนรับเทศกาล
ด้วยความที่ผู้เขียนเดินมาคนเดียว เมื่ออยากได้รูปตัวเอง จึงเลือกที่จะเซลฟี่เป็นหลัก ระหว่างนั้นตรงหน้าสะพานจะมีน้องอยู่สองคน ถือป้ายและเชิญชวนถ่ายรูปโพลารอยด์ ใบละ 59 บาท ซึ่งทีแรกไม่ได้สนใจอะไร
และเมื่อไม่มีอุปกรณ์เซลฟี่ เลยใช้เสาล้มลุกหน้าสะพานเป็นฐานถ่ายรูป พยายามใช้เคสมือถือยึดไว้ นึกว่าจะนิ่ง แต่ปรากฎว่ามือถือที่ตั้งไว้ล้มลง ใจหายวาบ โชคดีที่จอมือถือไม่แตก
ทันใดนั้น มีน้องผู้หญิงเดินเข้ามา ถามว่า “ให้หนูช่วยถ่ายให้ไหมคะ” เราก็คิดในใจว่าดีเหมือนกัน เลยให้น้องเขาถ่ายให้บนสะพาน แล้วก็ด้านข้างสะพาน ประมาณ 3-4 ช็อต น้องถามว่าใช้ได้ไหม ดูจากภาพแล้วก็พอใจ
ทันใดนั่นก็ถามว่า “น้องมาจากร้านถ่ายรูปหรือเปล่า?” น้องผู้หญิงตอบว่า “ใช่ค่ะ เห็นพี่ตั้งกล้อง หนูก็ยืนลุ้นอยู่ตั้งนาน” จึงบอกว่า “งั้นเอารูปนึง” น้องผู้หญิงเค้าก็หามุมถ่ายรูปที่มีไฟสว่างให้ ก่อนจะให้สแกนจ่ายกับน้องผู้ชายอีกคน
ระหว่างนั้นสังเกตเห็นหญิงสูงอายุรายหนึ่งนำแบงก์ 20 ให้น้องผู้ชาย เป็นค่าตอบแทนที่ช่วยถ่ายรูป น้องผู้หญิงก็หันมาขอบคุณ บอกว่าจะเอาไปซื้อขนมให้น้องแมว หญิงสูงอายุก็บอกว่าไม่ต้อง “ให้ขนมคนเนี่ยแหละ” ก็ขอบคุณกันไป
ทราบมาว่า น้องทั้งสองคนรับถ่ายรูปโพลารอยด์ และนำรายได้ส่วนหนึ่งซื้ออาหารแมว ที่อาศัยอยู่ริมคลองแม่ข่าเนี่ยแหละ มีช่องทางอินสตาแกรม polaroid_startup สำหรับคนที่สนใจบันทึกภาพความทรงจำในรูปแบบภาพฟิล์ม
ระหว่างรอรูปถ่ายโพลารอยด์ น้องผู้หญิงถามว่า “พี่มาคนเดียวเหรอคะ” ตอบว่าใช่ น้องก็บอกว่า “วันนี้ก็มีคนที่มาคนเดียว ที่เจอก็ประมาณสิบกว่าคน” ผู้เขียนก็บอกว่า คิดว่าที่มาที่นี่คนเดียวคงเป็นเพราะว่ามาง่าย
ระหว่างนั้นก็นึกในใจ แสดงว่าผู้เขียนคงไม่ใช่คนเดียว ที่เดินทางมาเพียงคนเดียว
แต่ไม่ว่าจะมาคนเดียว มาเป็นคู่ หรือมาเป็นกลุ่ม คลองแม่ข่าวันนี้กลายเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ที่รอให้ผู้คนเข้ามาสัมผัสบรรยากาศ กลายเป็นไวรัลสนั่นโซเชียลฯ ไปทั่วประเทศ ยิ่งช่วงฤดูหนาวก็มีคนบอกว่ารู้สึกคล้ายกับบรรยากาศญี่ปุ่น
ตามแผนพัฒนาคลองแม่ข่า นอกจากปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณสะพานแม่ข่าระแกงแล้ว ยังมีอีกหลายโครงการ เช่น ปรับระดับคลองใต้สะพานถนนซูเปอร์ไฮเวย์ บริเวณหน้าโรงพยาบาลลานนา ก่อสร้างระบบผันน้ำ ท่อรับน้ำเสีย
รวมทั้งโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองแม่ข่า ตั้งแต่ถนนรัตนโกสินทร์ ถึงถนนมหิดล (3 ช่วง) งบประมาณ 83.7 ล้านบาท ซึ่งแต่ละโครงการต้องรองบประมาณ และใช้เวลาก่อสร้างอีกยาวนานกว่าจะแล้วเสร็จ
ที่น่าเป็นห่วง คือ ทุกวันนี้คลองแม่ข่าที่ผ่านย่านการค้า ไล่ตั้งแต่ถนนอัษฎาธร สะพานแม่ข่าวิชยานนท์ แม่ข่าท้ายวัง แม่ข่าช้างม่อย ช้างม่อยตัดใหม่ แม่ข่าท่าแพ แม่ข่าลอยเคราะห์ และสะพานศรีดอนไชย สภาพคลองยังคงเสื่อมโทรม
นอกจากน้ำเน่าเสีย มีกลิ่นเหม็น เพราะการทิ้งขยะและน้ำเสีย จากบ้านเรือนและสถานประกอบการ เช่น ร้านอาหารแล้ว ยังมีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำ ทำให้หน้ากว้างของคลองแคบลงถนัดตา
คลองแม่ข่าบางช่วง เช่น สะพานแม่ข่าท่าแพ เห็นแล้วหน้ากว้างของคลองนั้นแคบมาก แทบจะไม่รู้ว่าจะปรับภูมิทัศน์ให้เหมือนฝั่งสะพานแม่ข่าระแกงไหวไหม ทั้งที่หากสามารถปรับภูมิทัศน์ได้ จะเป็นเส้นทางเดินเท้าที่น่าสนใจไม่น้อย
การปรับภูมิทัศน์คลองแม่ข่าบริเวณสะพานแม่ข่าระแกง ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งของการพัฒนาคูคลองที่เห็นและจับต้องได้จริง หากทำได้ตลอดเส้นทางที่ผ่านเทศบาลนครเชียงใหม่ กว่า 10 กิโลเมตร จะช่วยพัฒนาชุมชนให้ดีขึ้น
เป็นเส้นทางเดินเท้าสำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยว ลดอุบัติเหตุจากการที่ถนนในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่มีสภาพคับแคบ เพราะเป็นเมืองเก่าที่มีอายุกว่า 700 ปี ก็สามารถเดินเท้าไปตามแนวคลองแม่ข่าได้
แม้จะน่าเสียดายที่คลองแม่ข่ายุคปรับปรุงใหม่จะมีระยะทางไม่ถึง 1 กิโลเมตร แต่คาดหวังว่าจะพัฒนาคลองแม่ข่าในจุดอื่นๆ เพื่อให้เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ และพัฒนาคุณภาพชีวิตสองฝั่งคลองอย่างยั่งยืน
ขอฝากจังหวัดเชียงใหม่ช่วยฟื้นคลองแม่ข่าให้กลับมามีชีวิตชีวาตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอีกครั้ง