วันที่ 10 มีนาคม รายงานข่าวจาก สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า โดยข้อมูลภาพจากดาวเทียมฮิมาวาริ (Himawari) และดาวเทียมอื่นๆ ของระบบการติดตามปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (พีเอ็ม 2.5) ในช่วงเวลา 11.00 น. พบค่าคุณภาพอากาศที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดงเข้ม) สลับกับค่าคุณภาพอากาศที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) ในหลายพื้นที่บริเวณภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัด แม่ฮ่องสอน และ เชียงราย พบค่าคุณภาพอากาศ หรือ AQI อยู่ที่ 194 เท่ากัน ส่วน เชียงใหม่ อยู่ที่ 108
จิสด้า รายงานด้วยว่า สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่และเตรียมพื้นที่เพื่อการเกษตร ประกอบกับปริมาณจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือค่อนข้างมาก ทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองและหมอกควันเพิ่มขึ้นด้วย รวมถึงสถานการณ์จุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างสาธารณรัฐแห่งสภาพเมียนมาร์ที่มีจำนวนจุดความร้อนสูงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าข้อมูลมีความสอดคล้องกับจุดความร้อนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) รายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2564 พบจุดความร้อนทั้งประเทศ 2,408 จุด หนักที่สุดคือภาคเหนือจุดความร้อนพุ่งสูงถึง 1,949 จุด โดยจังหวัด แม่ฮ่องสอน นำโด่ง 693 จุด รองลงมาคือจังหวัด เชียงใหม่ 434 จุด และจังหวัด ตาก 276 จุด ตามลำดับ ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 1,168 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 607 จุด พื้นที่เกษตร 76 จุด พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 49 พื้นที่เขต สปก. 48 จุด
จากภาพแสดงให้เห็นว่ากลุ่มจุดความร้อนจำนวนมากจะกระจุกตัวที่บริเวณภาคเหนือ ประกอบกับช่วงนี้ความเร็วลมมีกำลังเบา ทำให้การกระจายตัวของกลุ่มควันเป็นไปอย่างยากลำบาก ส่วนของภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันเฉียงเหนือ และภาคใต้ ยังคงเห็นจุดความร้อนอยู่บ้าง
สำหรับจุดความร้อนประเทศเพื่อนบ้านยังคงมีให้เราเห็นอย่างต่อเนื่อง อันดับ 1 หนีไม่พ้นสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ที่มีจุดความร้อนสูงถึง 6,773 จุด อันดับ 2 คือประเทศไทย และอันดับ 3 คือราชอาณาจักรกัมพูชา 1,858 จุด อย่างไรก็ตาม สถานการณ์จากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้พื้นที่จังหวัดใกล้เคียงได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองและหมอกควัน ที่ลอยข้ามแดนเข้ามาได้
