เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เชียงใหม่ – “ปลัดจอมแฉ” เตรียมเดินหน้าลุยตรวจสอบมูลนิธิอย่างน้อย 2 แห่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ หลัง “ชูวิทย์” ระบุเอี่ยวกลุ่มทุนจีนสีเทา ด้วยการรับคนจีนเข้าเป็นอาสาสมัครแล้วออกใบรับรองให้นำไปใช้ขอใบอนุญาตทำงานและวีซ่าอยู่ยาวในประเทศไทย เบื้องต้นพบจุดน่าสังเกตชื่อผู้ยื่นจดจัดตั้งมูลนิธิทั้ง 2 แห่ง เป็นคนๆ เดียวกัน แถมคณะกรรมการเป็นชุดเดียวกันเป๊ะ เจอชื่อรองประธานหอการค้าร่วมด้วย
จากกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตเจ้าของสถานบันเทิงและอดีตนักการเมือง ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่ามีมูลนิธิหลายแห่งตั้งอยู่ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดขอนแก่น หรือจังหวัดอุดรธานี เป็นต้น ที่เชื่อได้ว่าอาจจะเข้าไปมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนจีนสีเทา ด้วยการรับคนจีนเข้าเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิแล้วออกใบรับรองให้นำไปใช้ยื่นขอใบอนุญาตทำงานและวีซ่า เพื่อพำนักอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ไม่น่าจะโปร่งใส และตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีคนจีนที่ได้รับวีซ่าด้วยวิธีการเช่นนี้แล้วหลายพันคน
วันนี้(8 ธ.ค.65) นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ และประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลตามที่นายชูวิทย์ เผยแพร่ เบื้องต้นพบว่ามี 2 มูลนิธิ ได้แก่ มูลนิธิปรานต์ ฮั่นอวี่ และมูลนิธิกรีนคลีนเอิร์ธ ที่ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งและมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่แรกเริ่มอยู่ในอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ โดยมูลนิธิปรานต์ ฮั่นอวี่ จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 13 ส.ค.62 ต่อมาได้จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 11 ก.พ.63 ย้ายสำนักงานใหญ่จากในตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ไปอยู่ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนมูลนิธิกรีนคลีนเอิร์ธ จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 13 มี.ค.63 ต่อมาได้จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.64 ย้ายสำนักงานใหญ่จากในตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ไปอยู่ในพื้นที่อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลยังพบจุดที่น่าสังเกตด้วยว่า ผู้ที่ยื่นขอจดจัดตั้งมูลนิธิทั้งมูลนิธิปรานต์ ฮั่นอวี่ และมูลนิธิกรีนคลีนเอิร์ธ เป็นบุคคลเดียวกัน อีกทั้งคณะกรรมการบริหารมูลนิธิของทั้ง 2 มูลนิธิ ยังเป็นกลุ่มบุคคลเดียวกันทั้งหมดด้วย ทั้งประธานกรรมมูลนิธิ,รองประธานกรรมการมูลนิธิ รวมทั้งเลขานุการและเหรัญญิก อย่างไรก็ตามในประเด็นที่นายชูวิทย์ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลนั้น จากนี้จะต้องดำเนินการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงต่อไปเสียก่อนว่า ทางมูลนิธิได้มีการดำเนินเกี่ยวกับการรับคนจีนเข้าเป็นอาสาสมัครและออกใบรับรองให้จำนวนมากมายตามที่มีการระบุหรือไม่อย่างไร ขณะเดียวกันจะต้องมีการตรวจสอบด้วยว่าที่ผ่านมาทางมูลนิธิได้มีการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้ในการจัดตั้งหรือไม่อย่างไร ซึ่งหากพบการกระทำผิดจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับกรณีการรับคนจีนเป็นอาสาสมัครแล้วออกใบรับรองให้นำไปใช้ขอใบอนุญาตทำงานและวีซ่านั้น นายบุญญฤทธิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นต้องการที่จะพูดคุยสอบถามทางคณะกรรมการมูลนิธิเช่นกันเกี่ยวข้อเท็จจริงอย่างละเอียดกรณีดังกล่าวเช่นกันว่าเป็นความจริงหรือไม่อย่างไร โดยหากทางมูลนิธิมีการรับอาสมัครคนจีนเข้ามาเป็นจำนวนมากจริงก็อยากทราบถึงเหตุผลและความจำเป็นด้วยว่าเป็นเพราะเหตุใด จากนั้นต้องมีการพิจารณาต่อไปว่าเข้าข่ายเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนและเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติหรือไม่อย่างไร ซึ่งหากพบการกระทำผิดอาจมีโทษถึงขั้นจำคุก โดยเบื้องต้นในวันพรุ่งนี้(9 ธ.ค.65) ตัวเองในฐานะเจ้าพนักงานปกครองอำเภอสันทราย เตรียมประสานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้นำท้องถิ่น ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ตั้งสำนักงานใหญ่เดิมตั้งแต่จดจัดตั้งของทั้ง 2 มูลนิธิในอำเภอสันทราย เพื่อเก็บข้อมูลจากผู้อยู่อาศัยใกล้เคียงและประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการดำเนินงานของมูลนิธิ จากนั้นจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดนำเสนอให้นายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดเชียงใหม่ พิจารณาดำเนินการต่อไป และหากพบเรื่องที่อาจจะเป็นภัยต่อความมั่นคงจะยื่นเรื่องถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไปด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับ มูลนิธิปรานต์ ฮั่นอวี่ นั้น นางสาวธีรดา ปงปัญญายืน กับคณะยื่นได้ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งต่อนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดเชียงใหม่และได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค.62 โดยวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ คือ 1.เผยแพร่และพัฒนาทักษะของเด็ก เยาวชนไทยและบุคคลที่สนใจในการเรียนภาษาจีน ทั้ง 4 ด้าน คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ภาษาจีนได้ในระดับต้น กลาง และสูง,2.ยกระดับการเรียนรู้ภาษาจีนของเด็ก เยาวชนและกลุ่มที่ขาดโอกาสจากสังคมไทย ประชาชนทั่วไป โดยไม่คํานึงถึงกลุ่มศาสนา เพศและสถานภาพทางสังคม,3.เพิ่มโอกาสในด้านเศรษฐกิจ การศึกษา การประกอบอาชีพของประชาชนทั่วไป ในการเรียนรู้หลักสูตรด้านการค้า อิเล็กทรอนิกส์จีนออนไลน์ ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องกับภาษาจีน,4.ให้การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนที่ขาดโอกาสจากสังคมไทย,5.สนับสนุนและร่วมมือกับภาครัฐ หน่วยงานภายนอกที่ไม่ใช่รัฐบาล และภาคการศึกษา ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ในด้านทักษะภาษาจีน ตลอดจนเพื่อดําเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์หรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆ เพื่อสาธารณประโยชน์,6.ไม่ดําเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด และไม่จัดให้มีการเล่นการพนันทุกประเภทหรือตั้งโต๊ะบิลเลียดอยางเด็ดขาด
โดยสํานักงานใหญ่ของมูลนิธิตั้งอยู่เลขที่ 196/2หมู่ที่ 5 ตําบลหนองหาร อําเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ รหัสไปรษณีย์ 50210 โทรศัพท์ 089-4343939 พร้อมทั้งมีสำนักงานสาขามูลนิธิ อยู่ที่ จังหวัดขอนแก่น,จังหวัดร้อยเอ็ด,จังหวัดกาฬสินธุ์,จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดมหาสารคาม โดยทรัพย์สินของมูลนิธิมีทุนเริ่มแรก คือ เงินสดจำนวน 200,000 บาท ขณะที่การจัดการของมูลนิธิในวาระเริ่มแรกมีคณะกรรมการดําเนินงาน ประกอบด้วย 1.นางสาวธีรดา ปงปัญญายืน ประธานกรรมการ ,2.นายรัชกร ปิยะสัจจบูลย์ รองประธานกรรมการ และ 3.นางสโรชา แดงโชติ เลขานุการและเหรัญญิก
ต่อมาทางมูลนิธิมีการยื่นขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติม เพิ่มสำนักงานสาขาขึ้นอีก 2 แห่ง ได้แก่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่เลขที่ 10 หมู่ที่ 3 ห้อง B10 ชั้นที่ 2 ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ และที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดเชียงใหม่ได้จดทะเบียนเพิ่มเติมแล้วเมื่อวันที่ 11 ก.พ.63 จากนั้นในปี 2564 ทางมูลนิธิได้มีการยื่นขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมอีกครั้ง เปลี่ยนชื่อมูลนิธิเป็น “มูลนิธิรักภาษา” มีที่ตั้งสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 10 หมู่ที่ 3 ห้อง B10 ชั้นที่ 2 ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับมีสำนักงานสาขาอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น,จังหวัดกาฬสินธุ์,จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดเชียงใหม่ได้จดทะเบียนเพิ่มเติมแล้วเมื่อวันที่ 13 ก.ค.64 และต่อมามูลนิธิมีการยื่นขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติม เพิ่มสำนักงานสาขาขึ้นอีก 1 แห่ง ที่จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดเชียงใหม่ได้จดทะเบียนเพิ่มเติมแล้วเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.64
ขณะที่มูลนิธิกรีนคลีนเอิร์ธ นั้น นางสาวธีรดา ปงปัญญายืน กับคณะได้ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งต่อนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดเชียงใหม่และได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค.63 มีสํานักงานใหญ่ของมูลนิธิ ตั้งอยู่เลขที่ 171 หมู่ที่ 7 ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมมีสำนักงานสาขามูลนิธิอีก 2 แห่ง อยู่ที่จังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดอำนาจเจริญ ระบุวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้รู้ถึงพิษภัยอันตรายที่เกิดจากมลพิษทางอากาศ PM2.5 ตลอดจนให้ความรู้และวิธีป้องกัน รวมทั้งทำงานรณรงค์เกี่ยวกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยทรัพย์สินของมูลนิธิมีทุนเริ่มแรก คือ เงินสดจำนวน 200,000 บาท ขณะที่การจัดการของมูลนิธิในวาระเริ่มแรกมีคณะกรรมการดําเนินงาน ประกอบด้วย 1.นางสาวธีรดา ปงปัญญายืน ประธานกรรมการ ,2.นายรัชกร ปิยะสัจจบูลย์ รองประธานกรรมการ และ 3.นางสโรชา แดงโชติ เลขานุการและเหรัญญิก ต่อมายื่นขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.64 เปลี่ยนที่ตั้งสำนักงานใหญ่ เป็นตั้งอยู่เลขที่ 48 หมู่ที่ 7 ตำบลดอนเปา อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ รหัสไปรษณีย์ 50360
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่าจากการตรวจสอบพบว่า นางสาวธีรดา ปงปัญญายืน ประธานกรรมการมูลนิธิและเป็นผู้ยื่นขอจดจัดตั้งมูลนิธินั้น เป็นนักธุรกิจและกรรมการบริษัทหลายแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ทำธุรกิจหลายอย่าง เช่น ให้คำปรึกษากฎหมาย,ความงามและสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งแต่ละบริษัทล้วนมีคำว่า “ปรานต์” อยู่ในชื่อบริษัทด้วย ขณะที่นายรัชกร ปิยะสัจจบูลย์ รองประธานกรรมการนิธิ นั้น ปัจจุบันเป็นรองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นนักธุรกิจเจ้าของธุรกิจจำหน่ายและรับติดตั้งหินแกรนิต มีสำนักงานอยู่ย่านมหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่ตั้งเดียวกันกับสำนักงานใหญ่ของมูลนิธิมูลนิธิปรานต์ ฮั่นอวี่ เมื่อครั้งแรกเริ่ม ก่อนที่ต่อมาจะย้ายไปอยู่ที่ใหม่ ซึ่งพบว่าตั้งอยู่ในสนามกอล์ฟที่เป็นพื้นที่ของกองบิน 41 ส่วนนางสโรชา แดงโชติ เลขานุการและเหรัญญิก นั้น เป็นนักธุรกิจและเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี 62 ด้วย.