วันที่ 21 ตุลาคม 2565 ที่ร้านหวานยกกำลังดี บริเวณพระบรมราชานุเสาวรีย์สามกษัตริย์ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายสุรพันธ์ หอมขจร ผู้จัดการสายการบินไทยแอร์เอเชีย ประจำท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ แถลงข่าวการเปิดเส้นทางบิน หลังสถานการณ์โควิด 19 ผ่อนคลาย ว่า ตั้งแต่ไตรมาส 3 บรรยากาศการเดินทางกลับมาคึกคักอีกครั้ง ส่วนไตรมาส 4 เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวเชียงใหม่ ส่งผลให้การเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ซึ่งท่าอากาศยานเชียงใหม่ เป็นฐานบินแอร์เอเชีย ลำดับ 2 รองจากท่ากาศยานดอนเมือง มีเครื่องบินประจำการ 3 ลำ และเพิ่มอีก 1 ลำ เป็น 4 ลำ ในช่วงธันวาคมนี้ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวช่วงอากาศหนาว และเทศกาลปีใหม่ โดยมีพนักงานบริการประจำฐานบินเชียงใหม่ รวมกว่า 400 คน
ขณะนี้มีเที่ยวบินภายในประเทศ เชียงใหม่-ดอนเมือง 11 เที่ยวบิน เชียงใหม่-สุวรรณภูมิ 5 เที่ยวบิน รวม 16 เที่ยวบิน/วัน ส่วนเที่ยวบินข้ามภาค จากเชียงใหม่ ไปภูเก็ต กระบี่ หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี ขอนแก่น หัวหิน อีก 6 เส้นทาง รวมเป็น 25 เที่ยวบิน/วัน มีผู้โดยสารเฉลี่ยเที่ยวละ 90% สำหรับเที่ยวบินไปต่างประเทศ จากเชียงใหม่ ไป ฮานอย ดานัง เวียดนาม โดยบินเที่ยวแรก วันที่ 30 ตุลาคมนี้ ให้บริการ 3 เที่ยวบิน/สัปดาห์ คาดมีผู้ใช้บริการเที่ยวละ 80-85 % ส่วนเที่ยวบินเชียงใหม่ ไปกัวลาลัมเปอร์ ได้ให้บริการผ่านสายการบินแอร์เอเชียมาเลเซีย ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ 60% คนไทย 40%
“แอร์เอเชีย ได้เปิดเส้นทางใหม่ เชียงใหม่-ไทเป (ไต้หวัน) โดยให้ บริการ 3 เที่ยวบิน/สัปดาห์ (อังคาร พฤหัสบดี เสาร์) ค่าโดยสารเริ่มต้น 2,990 บาท/เที่ยว โดยเปิดจองตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม จนถึง 6 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งค่าโดยสารเป็นราคาพิเศษ มีที่นั่งสำรองมากกว่า 1,000 ที่นั่ง โดยเดินทางตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมนี้ จนถึง 30 มิถุนายน ปีหน้า ภายใต้แนวคิด ไต้หวัน เที่ยวฟิน บินสบาย จ่ายเบา ๆ ไม่ต้องใช้วีซ่า ไม่ต้องกักตัว เพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้ด้วย” นายสุรพันธ์ กล่าว
ปัจจุบันแอร์เอเชีย มีเครื่องบินบริการ 53 ลำ แต่ให้บริการผู้โดยสารแล้ว 43 ลำ ในปี 64 มีผู้ใช้บริการโดยสาร กว่า 2.9 ล้านคน ปี 65 คาดมีผู้โดยสาร กว่า 10 ล้านคน ส่วนปี 66 คาดสถานการณ์ท่องเที่ยวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งแอร์เอเชีย มีแผนเพิ่มฝูงบินที่เชียงใหม่ จาก 4 ลำ เป็น 7 ลำ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีนและอาเซียนเพิ่มด้วย
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่